แชร์

วัดสีสุก ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2420

อัพเดทล่าสุด: 28 มิ.ย. 2025
9 ผู้เข้าชม

กำเนิดวัดสีสุก: จากบ้านสู่ศาสนสถาน
วัดสีสุก ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2420 บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่เศษ ในแขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร การสร้างวัดนี้ไม่ได้เริ่มต้นจากโครงการใหญ่โต แต่เกิดจากจิตศรัทธาอันเปี่ยมล้นของสามีภรรยาคู่หนึ่งคือ นายสี ศรีมา และ นางสุก ศรีมา ท่านทั้งสองได้บริจาคที่ดินและเริ่มดำเนินการก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น

จุดเริ่มต้นของวัดคือการที่นายสีและนางสุกได้ อุทิศบ้านของตนเองเป็นกุฏิสงฆ์ เพื่อให้พระสงฆ์ได้มีที่พักอาศัยและปฏิบัติศาสนกิจในระยะแรกเริ่ม ต่อมาจึงได้มีการก่อสร้าง อุโบสถ ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ วัดแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า "วัดสีสุก" เพื่อเป็นเกียรติและอนุสรณ์แก่ผู้สร้างทั้งสอง


การได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและพัฒนาการ
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งแรก: วัดสีสุกได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในราวปี พ.ศ. 2420 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับที่เริ่มก่อตั้งวัด แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและสถานะของวัดในฐานะพุทธศาสนสถานอย่างเป็นทางการอย่างรวดเร็ว
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งล่าสุด: ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2509 โดยเขตวิสุงคามสีมากว้าง 11 เมตร ยาว 28 เมตร

เจ้าอาวาสผู้ปกครองวัด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วัดสีสุกมีเจ้าอาวาสปกครองดูแลมาแล้วถึง 13 รูป (จากข้อมูลบางแหล่ง) ซึ่งแต่ละรูปก็มีบทบาทในการพัฒนาวัดให้เจริญรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่อง รายนามเจ้าอาวาสบางส่วนที่สืบทอดกันมา ได้แก่:

พระอธิการเบือ (เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก)
พระอธิการดิษฐ์
พระอธิการโหมด
พระอธิการเหลือ
พระอธิการต่าย
พระอธิการเอี่ยม
พระอธิการเบ้า
พระอธิการผัน
พระอธิการเล็ก
พระอธิการแปะ (แป๊ะ ปานน้อย)
พระอธิการถึก (ถึก ทองบูรณะ)
พระครูสุกิจวรวัฒน์ (ชิต พักอ่อน)
พระมหาประยูร ชุตินฺธโร (ประยูร มีเป้น) (เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ณ ช่วงที่มีการบันทึกข้อมูล)

สิ่งก่อสร้างและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด
อุโบสถ: อุโบสถหลังเดิมสร้างด้วยอิฐ ต่อมาในปี พ.ศ. 2507 ได้มีการสร้างอุโบสถหลังที่ 2 ขึ้น ภายในประดิษฐาน พระประธาน นามว่า หลวงพ่อสีสุก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางพระพุทธชินราช อุโบสถหลังใหม่นี้มีความงดงามโดดเด่นด้วยบานประตูหน้าต่างที่แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และมี ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติอย่างละเอียดหลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 อุโบสถหลังใหม่นี้ก็ได้รับการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เพื่อให้กลับมาสวยงามดังเดิม
มีการรื้อถอนอุโบสถหลังเดิมไปเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 และมีการยกช่อฟ้าอุโบสถหลังใหม่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
กุฏิสงฆ์: ส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้ มีจำนวน 8 หลัง
ศาลาการเปรียญ: กว้าง 27.60 เมตร ยาว 11.10 เมตร สร้างด้วยไม้
นอกจากนี้ยังมี หอระฆัง, หอสวดมนต์, ศาลาท่าน้ำ, หอฉัน, ฌาปนสถาน, และสุสานภายในบริเวณวัด

บทบาทด้านการศึกษาและสาธารณสุข
วัดสีสุกไม่ได้เป็นเพียงศูนย์รวมจิตใจทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและสาธารณสุขของชุมชน:

การศึกษา: ทางวัดได้สนับสนุนการศึกษาของชาติโดยสร้าง โรงเรียนประถมศึกษา ขึ้นในเนื้อที่ 2 ไร่ 80 ตารางวา และยังเป็นส่วนหนึ่งของการก่อตั้ง โรงเรียนบางมดวิทยา "สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์" ซึ่งเดิมชื่อ "โรงเรียนวัดสีสุกหวาดจวนวิทยา" โดย พระครูสุกิจวรวัฒน์ (ชิต ปุสฺโส) เจ้าอาวาสวัดสีสุกในขณะนั้น ได้ติดต่อขอรับบริจาคที่ดินจากนายหวาด แสงบำรุง และนางสาวจวน แดงแสงส่ง เพื่อนำมาสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำตำบล ซึ่งเปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2518
สาธารณสุข: วัดยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำหรับผดุงครรภ์และอนามัยในเนื้อที่ 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่นายคล้ายและนางเภา สุขสีบนุช ถวายให้แก่วัด




บทความที่เกี่ยวข้อง
วัดจันทร์ประดิษฐาราม": จากความศรัทธาสู่มรดกทางธรรมะ
วัดจันทร์ประดิษฐาราม หรือที่รู้จักกันในนาม "วัดจันปะขาว" ในอดีต เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 190 ปี ตั้งอยู่ในแขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์รวมจิตใจและมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สะท้อนถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของผู้สร้างและวิวัฒนาการของชุมชนในย่านฝั่งธนบุรี
วัดดีดวดวรคุณ: ประวัติศาสตร์ ความสำคัญ และมรดกแห่งศรัทธา
วัดดีดวดวรคุณ หรือที่รู้จักกันในนาม "วัดดีดวด" เป็นอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ริมคลองมอญ ในแขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หรือช่วงต้นกรุงธนบุรี สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในอดีต และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
วัดไทร พระราม 3: อัญมณีแห่งพุทธศิลป์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
วัดไทร พระราม 3 หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการว่า วัดไทร (ธรรมาวาส) เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในแขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร วัดแห่งนี้ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในย่านพระราม 3 เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่งดงาม สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาและศิลปะไทยในอดีต
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy